วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

อาหารเกาหลีชนิดต่างๆ

     มาแล้วจร้า... วันนี้เรามาเรียนรู้ประเภทต่างๆของอาหารเกาหลีกันเนาะ เผื่อใครได้มีโอกาศไปประเทศเกาหลีจะได้มีข้อมูลไปเลือกขออร่อยๆ กินกัน


     อาหารนานาชนิดมากหลายพบได้ในประเทศเกาหลี แรกเริ่มเดิมทีเกาหลีเป็นประเทศเกษตรกรรม และชาวเกาหลีเพาะปลูกข้าวเป็นอาหารหลักมาตั้งแต่โบราณกาล มาในสมัยนี้อาหารเกาหลีจะเป็นตำหรับซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อสัตว์นานาชนิด ปลา พร้อมด้วยพืชสีเขียวและผักต่างๆ อาหารหมักดองต่างๆ เช่น 

กิมจิ จอทกอล (jeotgal) (อาหารทะเลหมักเกลือ) และ ดนจัง (deonjang) (ถั่วเหลืองหมักเหลว) ขึ้นชื่อในรสชาติโดยเฉพาะและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง


     จุดเด่นในการตั้งโต๊ะอาหารเกาหลี คือ อาหารจานต่างๆ ถูกนำมาจัดวางในคราวเดียวกัน โดยการปฏิบัติสืบทอดกันมา มีการเสิร์ฟอาหารประเภทออร์เดิฟเริ่มจากอาหาร 3 ชนิด สำหรับสามัญชนถึง 12 ชนิดสำหรับชนชั้นวงศานุวงศ์ การจัดโต๊ะอาหารต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่ามีการเสิร์ฟอาหารจานก๋วยเตี๋ยวหรือเนื้อหรือไม่ มีการแสดงการจัดโต๊ะอาหารตามกฏระเบียบให้ผู้สนใจเรื่องอาหารและการรับประทานอาหารได้เห็น หากจะเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนและญี่ปุ่นแล้วเกาหลีนิยมใช้ช้อนมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเสิร์ฟน้ำซุป

                                                  ชนิดของอาหารเกาหลีตามประเพณีนิยม


1. บับ (Bap) ข้าวนึ่ง และจุค (Juk) ข้าวต้ม



     ข้าวต้มเป็นอาหารหลักของครัวเกาหลี ส่วนใหญ่ใช้ข้าวเหนียว บางครั้งเป็นพวกถั่ว เกาหลัด ข้าวฟ่าง ถั่วแดง ข้าวบาเลย์ หรือ ธัญญพืชชนิดต่างๆประกอบเพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ ข้าวต้มถือว่าเป็นอาหารบำรุงและเป็นอาหารเบา มีข้าวต้มหลากหลายชนิด อาทิเช่น ชนิดที่ทำด้วยข้าวและมีส่วนผสม ด้วยถั่วแดง ฟักทอง หอยเป๋าฮื้อ โสม ลูกสน ผัก เนื้อไก่ เห็ด และถั่วงอก






2. กุก (Guk) ซุป


     ซุปเป็นอาหารจานสำคัญเมื่อมีข้าวมาเสิร์ฟ เครื่องปรุงของซุปชนิดต่างๆมีผัก เนื้อสัตว์ ปลา หอยเชลล์ สาหร่ายทะเล และกระดูกวัว





3. จิเก (Jjigae) สตูว์


     จิเกคล้ายกับกุกแต่ข้นกว่าและแห้งกว่า จิเกที่เป็นที่นิยมมากที่สุดทำจากเต้าเจี้ยว จิเกมักจะเผ็ดร้อนเสิร์ฟขณะร้อนจัดในชามหินร้อน





4. จิม และ ชอริม (Jjim and Jorim) เนื้อหรือปลาตุ๋น


     จิมและชอริมเป็นอาหารคล้ายกันทำด้วยผักชุปซอสถั่วเหลืองแล้วนำมาเป็นส่วนผสมต้มในไฟอ่อน





5. นามุล (Namul) พืชและผักใบเขียว


     นามุลทำด้วยพืชหรือผักใบเขียวนำมาต้มเพียงเล็กน้อยหรือทอดผสมกับเกลือ ซอสถั่วเหลือง งาเค็ม น้ำมันงา กระเทียม หัวหอม และเครื่องเทศ





6. จอทกอล (jeotgal) อาหารทะเลหมักเกลือ


     จอทกอลเป็นอาหารรสเค็มจัดทำจากปลาหมักโดยวิธีธรรมชาติ หอยเชลล์ กุ้ง หอยนางรม ไข่ปลา พุงปลา และเครื่องปรุงอื่นๆ





7. กุย (Gui) ประเภทปิ้งย่าง


     การทำกุยคือการนำเนื้อหมักย่างบนเตาถ่าน อาหารเนื้อชนิดนี้ที่เป็นที่นิยมคือ พุลโกกิ (bulgogi) และ คาลบิ (galbi) ยังมีอาหารจานปลาอีกหลายอย่างที่ปรุงด้วยวิธีนี้





8. เชิน (jeon) จานกระทะร้อน 


     เชินเป็นแพนเค้กชนิดหนึ่งที่ทำจากเห็ด ฟักทอง ปลาแห้งแผ่น หอยนางรม พริกเขียว เนื้อสัตว์ หรือเครื่องปรุงอื่นๆ ผสมกับเกลือและพริกไทยดำก่อนนำไปชุปแป้งและไข่แล้วทอด





9. มันดู (Mandu) ประเภทยัดไส้


     มันดูทำด้วยแป้งแผ่นยัดไส้เนื้อ เห็ด แตงทอด ถั่วงอก บางครั้งใช้เนื้อหมู เนื้อไก่ หรือปลาแทนเนื้อ




หวังว่าคงมีประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะจ่ะ

ขอบคุณข้อมูลทั้งหมดจาก




ไปหาอาหารเกาหลีกิน ที่ Korean Town สุขุมวิท 12 กันจร้า

มาแล้วจร้าาาาา..... ร้านอาหารเกาหลี 
ห่างหายไปหลายวัน พร้อมกลับมากระตุ้นความอยากของสาวกอาหารเกาหลีแบบเรา 5555
ไปครั้งนี้ก็ไม่พ้นหาบุปเฟ่กินอีกตามเคย เด๋วมันไม่คุ้ม^^  ร้านที่เราจะแนะนำวันนี้คือร้าน
Kwang Han Roo น่าจะเป็นร้านเดียวที่เป็นบุปเฟ่นะ เท่าที่เราสังเกตุ
สำหรับคนที่ยังไม่เคยไปที่ Korean Town นะเรามี บรรยากาศมาให้ดู


เราถ่ายรูปมาแต่ไม่ชัดเลยแอบไปหารูปใน google มา

พอเรามาถึงตรงนี้บรรยากาศจะประมาณว่าอยู่เกาหลีเลยทีเดียวร้านค้าแถวนั้นให้อารมณ์เกาหลีมากคะ อีกทั้งเจ้าของกิจการส่วนใหญ่คือคนเกาหลี มีทั้งร้านที่ดูดี และร้านที่ดูบรรยากาศธรรมดาแต่ราคาส่วนใหญ่พอๆกันนะ จากที่เราหาข้อมูลมา

อ่ะมาเข้าเรื่องของร้านเรากันดีกว่า ร้าน Kwang Han Roo อยู่ข้างขวาถ้าเรามองตรงเข้าไปคะ เดินเข้าไปข้างในหน่อย 
หน้าร้านเขียนชัดเจนว่า buffet 5555

เดินเข้ามาในร้านเจ้าของร้านเป็นคนเกาหลีคะ พูดจาดี พอดูเมนูอาหารเสร็จเราก็เลือกแบบบุปเฟ่
เมนูอาหารที่นี่จะดูแปลกตาซักหน่อยเพราะว่าคำสะกดไม่ถูกต้องเยอะ เช่น ยำ=ยัม

 ราคาบุปเฟ่ 290 บ.เน็ท (ไม่รวมเครื่องดื่ม



ระหว่างรออาหาร พวกจานเตาหรือช้อนก็เหมือนพวกร้านอาหารเกาหลีธรรมดาทั่วไป


น้ำจิ้มเค้าก็จะตั้งไว้อยู่ที่โต๊ะ มี 2 แบบ มีแบบเกาหลี และแบออกรสชาติคนไทยแล้วแต่เราชอบ ส่วนตัวเราว่าแบบเกาหลีจะรสชาติดีกว่า

มาแล้วจร้าเครื่องเคียงเยอะสะใจเลยทีเดียว



ตามมาด้วยผักสดสะอาดดีคะ

หมูก็ตามมาติดๆ ที่นี่มีหมูให้เลือก3 แบบ ขั้นแรกเค้าจะเอามาให้เราลองทั้ง3 แบบพอเราชอบหรือพอใจแบบไหนเราก็สั่งแบบนั้นเพิ่มเลยจร้า


 ถึงเวลาเอาหมูลงเตา


รสชาติของอาหารโดยรวมก็ถือว่าโอเคเลย อร่อยดีคะ ดูสะอาดสะอ้านดี

เกาหลีทุกอย่างจริงๆ เกาหลีกระทั่งใบเสร็จเลยทีเดียว เราไปกัน 3 คนจร้า


ส่วนเมนูอาหารอื่นๆ ก็จะมีพวกข้าวยำเกาหลี ซูชิ ก็มีคะ ร้านนี้สำหรับเราถือว่าโอเคระดับนึงสิ่งที่ทำให้เราไม่ค่อยประทับใจเพราะว่าพนักงานพูดจาไม่มีหางเสียงเอาซะเลย และก็ทำงานช้า แต่เจ้าของร้านบริการโอเคเลยคะทำให้ใจชื้นขึ้นมาหน่อย ถ้าถามว่าจะกลับไปกินอีกไหมแน่นอนเลยถ้ามีโอกาศเพราะกินซะคุ้มเลย ลืมบอกเวลาในการกิน เค้าให้เวลาเรา 2 ชม. คะ กินกันจุใจเลย เรานั่งซะคุ้มค่า นั่งจนนาทีสุดท้าย 55555

มีข้อมูลส่วนไหนขาดตกบกพร่องก็ขออภัยนะคร้า หรือสงสัยส่วนไหนคอมเม้นต์ถามเราได้เลย ^^













ร้าน ยู เร กวาน (You Rea Guan) สุขุมวิท

มาแล้ว ร้านที่ 2 จร้า...ภัตตาคารเกาหลีย่านสุขุมวิท...  สถานที่ดูยิ่งใหญ่สมสโลแกน...มีน้ำตก ต้นไม้ประดับ สวยงาม ร้านนี้ออกแนว แดจังกึมสุดๆ ร้านเหมือนวังเก่าๆของเกาหลี ทำให้เรานึกว่าอยู่ที่เกาหลีกันเลยทีเดียวเชียว บรรยากาศภายในร้านดูร่มรื่นและเป็นธรรมชาติมาก มีต้นไม้และบ่อเลี้ยงปลาอยู่บริเวณในร้าน 
ร้านอยู่สุขุมวิทซอย 59 เข้าไปประมาณ 500 เมตรร้านใหญ่อยู่สังเกตุง่าย ในส่วนที่เราจะมาเล่าให้ฟังวันนี้คือส่วนที่เป็นบุปเฟ่ของทางร้านเค้า 


 รูปนี้เราแอบไปเอามาจากในเว็บของที่ร้าน เพราะรูปของเราเองเป็นแบบนี้


 ดันมาจอดรถตอนเราจะกลับไม่ได้ถ่ายรูปตอนมาไว้ 



หน้าร้านก็ประมาณนี้คะเห็นแบบชัดๆ กันเลย


บรรยากาศภายในร้านมีสองส่วนคะ นี่คือส่วนที่เราเข้าไปในร้านจะเห็นก่อนเป็นอันดับแรก 


 บันไดข้ามไปเข้าส่วนที่สองร้าน เราเลือกส่วนที่สองดูดีกว่า ดูน่าจะได้อารมณืแบบเกาหลีมากกว่า พนักงานต้อนรับดีพูดจาไพเราะ บรรยากาศภายในร้านดูสะอาดสะอ้าน ดึงดูดใจคนรักอาหารเกาหลีสุดๆ
ส่วนด้านเมนูอาหาร    ที่นี่นอกเหนือจากเมนูบุฟเฟ่ต์ที่จะมาเล่าให้ฟังเค้าเป็นภัตตาคารเกาหลี  ใครสนใจอยากกินอาหารต้นตำรับเกาหลีที่นี่มีให้เลือกมากมาย สำหรับเรื่องบุฟเฟ่ต์ที่นี่เค้ามีบุฟเฟ่ต์ ราคาแบบ 289 บาท เป็นบุฟเฟ่ต์หมูอย่างเดียว กับ ราคา 599 บาท อันนี้นานาชนิด กุ้ง หมู เนื้อ ไก่ ทะเล มีหมดแล้วแต่ใครจะสนใจสำหรับเรา เอาราคา 289 บาท 





มาแล้วอาหารของเรา เค้ามีเครื่องเคียงมาเสริฟอลังการ เยอะแยะไปหมด ในส่วนของหมูเค้าจะมีพนักงานมาค่อยปิ้งให้และตัดแบ่งเป็นชอ้นเล็กๆพอดีคำให้เรา แย่ใสจายสองฝั่งที่วางอยู่ข้างเตาเพื่อง่ายตอนการกิน ส่วนผักก็สดสะอาดสะอ้านดี รสชาติคล้ายกับอาหารเกาหลีที่สุด เรารู้เพราะฟังจากเพื่อนที่มากินด้วยเป็นนักเรียนทุนของประเทศเกาหลี หมูก็มีให้เลือกหลากหลายชนิด ทั้งหมูบาบีคิว เบคอน หมูหมักซอสเกาหลี มีอีกหลายแบบนะแต่เราจำได้แค่นี้  ส่วนตัวเราชอบเบคอนมากที่สุดสั่งกันเยอะมากๆ

สุดท้ายพอเราเซ็คบิลเค้าก็จะนำผลไม้มาเสริฟเรา
ร้านนี้ถือว่าประทับจทุกอย่างเลยคะทั้งรสชาติและบรรยากาศได้อารมณ์เกาหลีสุดๆ ^^












ซัมกเยทัง ไก่ตุ๋นโสม




สวัสดีค่ะ คราวนี้มีร้านไก่ตุ๋นโสม อาหารเพื่อสุขภาพของคนเกาหลีมาฝากกันค่ะ ไก่ตุ๋นโสม หรือในภาษาเกาหลีอ่านว่า 삼계탕 ซัมกเยทัง ซึ่งร้านที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้เป็นร้านซัมกเยทังชื่อดังค่ะ มีชื่อร้านว่า 토속촌 삼계탕 ร้าน โทซกชน ไก่ตุ๋นโสม ร้านนี้มีชื่อเสียงมากค่ะในเรื่องของไก่ตุ๋นโสมเพราะเป็นร้านที่เหล่าประธานาธิบดีชอบมาทานกัน เป็ร้านยอดนิยมไม่ว่ากรุ๊ปทัวร์ไหนก็ต้องไปทานร้านนี้ คนเกาหลีแนะนำมาว่าหากจะทานไก่ตุ๋นโสมร้านอร่อย ร้านดัง คุณภาพ ต้องร้านนี้เท่านั้น ไม่รอช้า จัดไปค่ะ!!


จากบริเวณปากซอยมองเห็นร้านได้ชัดเจนเลยค่ะ สังเกตุจากคนที่ต่อคิวรอทานไก่ตุ๋นโสม เพราะคนยืนต่อแถวกันแบบนี้เป็นประจำทุกวัน หากจะมาทานต้องรอหน่อยนะคะ ยิ่งหากมีกรุ๊ปทัวร์ลงก็อาจจะนานยิ่งขึ้นค่ะ 






ก่อนคิวจะยาวกว่านี้ เราเดินเข้าไปต่อแถวกันดีกว่าค่ะ


หางแถวยาวจริงๆค่ะ แต่ก็ต้องรอค่ะ มาถึงแล้วนี่นา : )


รอประมาณไม่เกิน 20 นาทีก็ถึงคิวเราแล้วค่ะ ดีใจมว๊ากก แบบว่าหิวแล้ว 5555
เข้าไปข้างในกันค่ะ ด้านข้างมีโสมดองในโหลแก้วขนาดใหญ่มั่กๆสองโหลวางโชว์อยู่ตรงแคชเชียร์ค่ะ




เดินเข้ามาอีกหน่อยนึงจะเป็นโซนสำหรับสำรองลูกค้าค่ะ คนพลุกพล่านเชียวค่ะ ลูกค้าเยอะมาก ทั้งทัวร์จีนและญี่ปุ่น หลังจากได้ที่นั่งแล้วไปสั่งอาหารกันดีกว่าค่ะ


เมนูมาแล้วค่ะ หลังจากดูเมนูเสร็จก็ไม่รอช้า รีบสั่งเพราะกลัวว่าจะรอนานอีก เนื่องจากลูกค้าเยอะมากของเราสั่งเป็นแบบไก่ตุ๋นโสม ต้นตำรับธรรมดา ราคา 15,000 วอน แต่ถ้าใครอยากลองทานไก่ดำตุ๋นโสม ราคาก็จะแพงขึ้นค่ะ ราคาอยู่ที่ประมาณ 28,000 วอน ค่ะ 



ระหว่างรอ ไก่ตุ๋นโสมมาเสริฟ เอาบรรยากาศรอบๆภายในร้านมาให้ชมกันค่ะ ภายในร้านตกแต่งสไตล์เกาหลีโบราณค่ะ นั่งพื้นออกสไตล์เกาหลีสมัยก่อน สังเกตุจากภาชนะที่ใส่กิมจิก็เช่นเดียวกันค่ะ ลักษณะเหมือนไหที่ทำมาจากดินเผา เอามาใส่พวกผักดองค่ะ 


กิมจิผักกาดขาว กับกิมจิหัวไชเท้าค่ะ มีให้เลือกสองแบบ สามารถคีบบริการตนเองได้เลยค่ะ มากน้อยเติมได้เต็มที่ค่ะ แอบติดไก่ตุ๋นโสมของคนข้างๆมาด้วย หิวแล้ว หอมมากเลยค่ะ ขนาดอยู่ข้างๆแต่กลิ่นหอมชัดเจนมาก




ในที่สุดโต๊ะของเรา โต๊ะ 77 ก็ได้แล้วค่ะ มาแบบร้อนๆเลย พอมาอยู่ตรงหน้า มันหอมมากๆเลยค่ะ 



ก่อนทานเพียงแค่ดมกลิ่นก็จินตนาการรสชาติไปก่อนค่ะ เพราะเนื่องจากหน้าตาสีสรรน้ำซุปออกสีขาวๆ อาจจะรสชาติ ออกจืดๆ ไม่ก็ขมๆหน่อยเนื่องจากโสม ถึงเวลาพิสูจน์กันแล้วค่ะ หลังจากเติมพริกไทยไปนิดหน่อย ก็ลองชิมค่ะ .... (o_O)" อึ้งค่ะ เนื่องจากมันผิดไปจากที่เราคิดไปก่อนทานเกินคาด รสชาติกลมกล่อม หอม มัน ไม่จืดเหมือนที่คิดเลย แล้วก็ไม่มีความขมของโสมค่ะ มีเพียงกลิ่นของโสม เนื้อไก่และข้าวก็นุ่มมากๆ ทานแบบร้อนๆยิ่งอร่อยมากค่ะ เรียกว่า เป็นอะไรที่ลงตัวมากค่ะ ประทับใจเลยค่ะ ไม่เสียดายเวลาที่อดทนยืนรอนานกันเลย เข้าใจแล้วค่ะว่าทำไมคนถึงต่อคิวยืนรอกันนานขนาดนี้


นามบัตรทางร้านค่ะ หยิบได้ฟรี เป็นภาษาเกาหลีอีกเช่นเคยค่ะ



ค่ำแล้วคนก็ยังเยอะอยู่เลยค่ะ ยืนต่อแถวกันยาวอยู่เลย 






สำหรับคนที่จะมาทานร้านนี้ะคะ ร้านเปิดตั้งแต่ 10.00 น - 22.00 น แต่ทางร้านเเนะนำว่าไม่ควรมาช่วงเที่ยงค่ะ เพราะว่าลูกค้าคนเกาหลีที่พักกลางวันจะมาทานเยอะมาก กลัวว่าจะรอนานค่ะ ถ้าเป็นช่วงบ่ายหรือเย็นหน่อยเป็นต้นไปจะไม่ต้องรอคิวนานมากค่ะ
ใครไปเที่ยวชมพระราชวังคยองบกคุงเสร็จแล้วก็สามารถแวะมาทานร้านนี้ได้ค่ะ การเดินทางง่ายมากๆ













เดินทางโดยรถไฟฟ้าสาย 2 สีส้ม ออกทางออก ที่ 2 จะใกล้ร้านที่สุดค่ะ สามารถ ออกทางออกที่ 4 ได้่เช่นเดียวกันค่ะแต่ต้องเดินขึ้นมาหน่อยประมาณล็อคนึงค่ะก็จะเจอร้านสะดวกซื้อ GS25 เข้ามาในซอยนั้นเลยค่ะ ก็จะเห็นร้านโทซกชนอยู่ทางซ้ายมือค่ะ 




มาทำต๊อกโปกิกันเถอะ


ต่อจากโพสต์ที่แล้ว ที่เราพาไปทานต๊อกโปกิที่ชินดังดง หลายๆคนอย่าเพิ่งเสียกันนะคะว่าไกลมากไปไม่ได้ จะไปร้านอาหารเกาหลีก็กลัวว่าจะแพง ขอสูตรและวิธีทำแบบทำทานเองไม่ได้หรอ? ได้ค่ะ!! เราจัดให้วันนี้เลยถือโอกาสชวนเพื่อนๆมาทำอาหารเกาหลี เมนู จากตอนที่แล้ว ต๊อกโปกิ นั่นเอง รับรองค่ะว่าทั้งอิ่มและอร่อยในแบบง่ายๆฉบับเกาหลี ไปดูกันเลยค่ะ ว่าต้องเตรียม วัตถุดิบอะไรกันบ้าง




เริ่มแรกนะคะมาเริ่มเตรียมวัตถุดิบกันก่อนค่ะ







วัตถุดิบและส่วนผสม

แป้งต๊อกชนิดแท่ง
ปลาเส้น (หรือลูกชิ้นปลาตามใจชอบ)
ปลาเอนโชวี่ 3-4 ตัวเล็ก (สำหรับทำน้ำซุป)
สาหร่ายแห้ง (สำหรับทำน้ำซุป)
กระเทียมสับ
ต้นหอมญี่ปุ่น
หอมหัวใหญ่หั่น
แครอทหั่น
โคจูจัง (ซอสพริกเกาหลี) 
ซีอิ้วขาว
น้ำตาลทราย
พริกป่นเกาหลี
งาขาวคั่ว




ขั้นตอนการทำ

1.  ต้มน้ำประมาณ 1 ถ้วยตวงให้เดือด
2. ใส่ปลาเอนโชวี่และสาหร่ายลงไปต้มต่อประมาณ 5 นาทีให้ได้กลิ่นหอม จากนั้นตักสาหร่ายและปลาเอนโชวี่ออก
3.ใส่กระเทียมสับ โคจูจัง ประมาณ 1ช้อนโต๊ะ ตามด้วย ซีอิ๊วขาว พริกป่นเกาหลี น้ำตาลทราย ลงไปคนให้เข้ากัน ปรุงรสตามใจชอบ แล้วตั้งไฟต่อจนเริ่มเดือด
4.พอเริ่มเดือดใส่แป้งต๊อกลงไป ขั้นตอนนี้ให้ระวังค่ะอย่าใช้ไฟแรง ให้หมั่นคนเพราะแป้งอาจไหม้ติดก้นกระทะได้ 
5. ใส่แครอท ตั้งไฟต่อประมาณ 5-10 นาที
6. หลังจากแป้งต๊อกเริ่มนิ่ม และน้ำซุปเริ่มข้นให้เบาไฟลงใส่ปลาเส้นลงไป ตามด้วยหอมหัวใหญ่ ต้นหอมญี่ปุ่น ตั้งไฟอีก 2 ~3 นาที ปิดเตา 
7.ตักใส่จาน โรยงาขาวคั่ว พร้อมเสริฟค่ะ





ขั้นตอนง่ายๆเพียงเท่านี้เราก็จะได้ทานต๊อกโปกิแสนอร่อยไม่ต้องบินไกลถึงกาหลี แถมประหยัด ทำได้ง่ายที่บ้านด้วยค่ะ